ประวัติความเป็นของการแกะสลัก
ประวัติความเป็นมาของการแกะสลักผักและผลไม้
ประวัติความเป็นมาของการแกะสลักผักและผลไม้
การแกะสลักผักและผลไม้ เป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยเลยทีเดียว ซึ่งไม่มีชาติใดสามารถเทียมได้ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในปัจจุบันนี้เห็นจะเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ที่มีแนวโน้มจะสูญหายไปหรือลดน้อยลงไปเรื่อย
การแกะสลักผักและผลไม้เดิมเป็นวิชาการขั้นสูงของกุลสตรีในรั้วในวัง ต้องฝึกฝนและเรียนรู้จนเกิดความชำนาญบรรพบุรุษของไทยเราได้มีการแกะสลักกันมานานแล้ว แต่จะเริ่มกันมาตั้งแต่สมัยใดนั้น ไม่มีผู้รู้เนื่องจากไม่มีหลักฐานแน่ชัด จนถึงสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ในรัชสมัยของสมเด็จพระร่วงเจ้า ได้มีนางสนมคนหนึ่งชื่อ นางนพมาศ หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ ได้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศขึ้น และในหนังสือเล่มนี้ ได้กล่าวถึงพิธีต่าง ๆ ไว้ และพิธีหนึ่ง เรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงในวันเพ็ญเดือนสิบสอง เป็นนักขัตกฤษ์ชักโคมลอย นางนพมาศได้คิดตกแต่งโคมลอยให้งามประหลาดกว่าโคมของพระสนมทั้งปวง ได้เลือกผกาเกสรสีต่าง ๆ ประดับเป็นรูปดอกกระมุทบานกลีบรับแสงพระจันทร์ ล้วนแต่พรรณของดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลายแล้วจึงนำเอาผลพฤกษาลดาชาติ มาแกะสลักเป็นระมยุระคณานกวิหคหงส์ให้จับจิกเกสรบุปผาชาติอยู่ตามกลีบดอกกระมุท เป็นระเบียบร้อยวิจิตรไปด้วยสีย้อมสดส่ง ควรจะทอดทัศนายิ่งนัก ทั้งเสียบแซมเทียนธูปและประทับน้ำมันเปรียงเจือด้วยไขข้อระโค (กรมศิลปากร,2531 : 97 – 98) จึงได้มีหลักฐานการแกะสลักมาตั้งแต่สมัยนั้น
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดการประพันธ์ยิ่งนัก พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์แห่ชมเครื่องคาวหวาน และแห่ชมผลไม้ได้พรรณนา ชมฝีมือการทำอาหาร การปอกคว้านผลไม้ และประดิดประดอยขนมสวยงาม และอร่อยทั้งหลาย ว่าเป็นฝีมืองามเลิศของสตรีชาววังสมัยนั้น พระราชนิพนธ์กาพย์แห่ชมเครื่องคาวหวานตอนหนึ่งว่า
น้อยหน่านำเมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
ผลเงาะไม่งามแงะ มล่อนเมล็ด และเหลือปัญหาหวนเห็นเช่นรจนา จำเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม (กรมวิชาการ, 2530 : 17)
และทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง สังข์ทอง พระองค์ทรงบรรยายตอนนางจันทร์เทวี แกะสลักชิ้นฟักเป็นเรื่องราวของนางกับพระสังข์ นอกจากนั้นยังมีปรากฏในวรรณกรรมไทยแทบ ทุกเรื่อง เมื่อเอ่ยถึงตัวนางซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องว่า มีคุณสมบัติของกุลสตรี เพรียกพร้อมด้วยฝีมือการปรุงแต่งประกอบอาหารประดิดประดอยให้สวยงามทั้งมีฝีมือในการประดิษฐ์งานช่างทั้งปวง ทำให้ทราบว่า กุลสตรีสมัยนั้นได้รับการฝึกฝนให้พิถีพิถันกับการจัดตกแต่งผัก ผลไม้ และการปรุงแต่งอาหารเป็นพิเศษ จากข้อความนี้น่าจะเป็นที่ยืนยันได้ว่า การแกะสลักผัก ผลไม้ เป็นศิลปะของไทยที่กุลสตรีในสมัยก่อนมีการฝึกหัด เรียนรู้ผู้ใดฝึกหัดจนเกิดความชำนาญ ก็จะได้รับการยกย่อง
ปัจจุบันวิชาการช่างฝีมือเหล่านี้ ถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตร ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษามาจนถึงอุดมศึกษาเป็นลำดับ ประกอบกับรัฐบาลและภาคเอกชนได้ให้การสนับสนุน จึงมีการอนุรักษ์ศิลปะต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะการแกะสลักผลงานประเภทเครื่องจิ้ม จนกระทั่งงานแกะสลักได้กลายเป็นสิ่งที่ต้องประดิษฐ์ ตกแต่งบนโต๊ะอาหารในการจัดเลี้ยงแขกต่างประเทศ ตามโรงแรมใหญ่ ๆ ภัตตาคาร ตลอดจนร้านอาหาร ก็จะใช้งานศิลปะการแกะสลักเข้าไปผสมผสานเพื่อให้เกิดความสวยงาม หรูหรา และประทับใจแก่แขกในงาน หรือสถานที่นั้นๆ
แล้วเราก็มีรูปสวยๆ ที่เป็นผลงานของเราค่ะ
ศิลปการตกแต่งอาหารจานอาหาร (Food decoration)
การตกแต่งจานอาหาร เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ร้านอาหารส่วนใหญ่มีการตกแต่งจานอาหารด้วย
ผักชนิดต่างๆอยู่แล้ว แต่จะดียิ่งขี้นหากเราสามารถตกแต่งจานด้วยวิธีที่แตกต่าง ไม่ใช่แค่เด็ดผักมาวางๆ หน้าตาออกมาเหมือนกัน ที่มีแต่ผักกาดหอม มะเขือเทศหั่น
อาหารของคุณจะดูสวย น่าทาน และสร้างความประทับใจมากยิ่งขึ้น
อาหารของคุณจะดูสวย น่าทาน และสร้างความประทับใจมากยิ่งขึ้น
การตกแต่งจานอาหาร ด้วยแตงกวา และมะเขือเทศ

|

2. หั่นครั้งที่ 2 อย่าให้โคนด้านบนหลุดอีกเช่นกัน

3. หั่นครั้งที่ 3 หั่นให้หลุดออกจากมาผลแตงกวา

4. เราจะได้แตงกวาเป็นชิ้นๆ 3 ชิ้นโดยที่โคนด้านบนยังติดกันอยู่

5. นำปลายแตงกวาทั้ง 3 ชิ้นพับลงด้านในให้ชิดโคนที่เรายังไม่หั่น จะได้แตงกวารูปใบไม้สไตล์โมเดิร์น ทีนี้ก็เอาไปประดับจานได้แล้วค่ะ

6. เอาไปประดับสัก 3 ชิ้นก็เก๋ไก๋น่ารักไปอีกแบบนะคะ
การทำดอกกุหลาบจากมะเขือเทศนะคะ
(See how to carve tomato rose)
(See how to carve tomato rose)
เริ่มจากเลือกมะเขือเทศลูกโตๆ

1. นำมีดหั่นเปลือกมะเขือเทศเป็นริ้วบางๆ โดยเริ่มจากขั้วผลมะเขือเทศ ปอกเป็นริ้วยาวๆไปเรื่อย ระวังริ้วอย่าให้ขาดออกจากกันนะคะ

2. นำริ้วเปลือกมะเขือเทศมาขดให้เป็นวงดอกกุหลาบ ค่อยๆม้วนเป็นวงให้สวยงาม

3. ม้วนให้เป็นวงจนสุดริ้วที่เราปอกเอาไว้ จะได้ดอกกุหลาบจากเปลือกมะเขือเทศเอาไว้ตกแต่งประดับจานได้อีกหนึ่งอย่าง

4. นำดอกกุหลาบมะเขือเทศมาประดับจานพร้อมกับใบไม้แตงกวาอีก 2 ใบก็ดูเก๋ไก๋
แหล่งที่มา http://teemgroup.blogspot.com/2010/03/food-decoration.html
แหล่งที่มา https://www.youtube.com
วิธีการสอนดีมากเลยค่ะ
ตอบลบน่าสนใจ